Sunday, May 10, 2009

Bus Way : รถเมล์อารยะที่อยากได้

การเดินทางในแต่ละวันของผู้คนเพื่อไปประกอบอาชีพหรือกิจธุระคือ ระบบขนส่งมวลชนหรือที่เรียกกันว่า “Mass Transportation” ซึ่งเรามักจะถูกทำให้เข้าใจผิดอยู่เสมอว่าสิ่งนี้คือ “รถไฟฟ้า” ทั้งบนฟ้าและใต้ดิน เช่น “Sky Train” หรือ “Subway” โดยที่แต่ละประเทศอาจจะเรียกไม่เหมือนกัน

ประการแรก จะไปเมืองไหนก็สนใจเรื่องขนส่งมวลชน
สมมติตัวอย่างง่ายๆ ถ้าท่านเป็นคนต่างชาติเดินทางจากต่างประเทศมาเมืองไทย ท่านจะถามอะไรบ้าง ผู้เขียนคงเดาได้ว่า สถานการณ์บ้านเมืองเราเป็นอย่างไร การเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งจะเป็นอย่างไร เช่น จากสนามบินไปโรงแรมหรือจากโรงแรมไปยังจุดนัดหมาย ค่าใช้จ่ายถูกแพงกว่าบ้านเขาหรือไม่

ช่วงที่ผู้เขียนอยู่ที่เมืองบริสเบน(Brisbane) รัฐควีนส์แลนด์ฝั่งตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย นายแพทย์ท่านหนึ่งจะเดินทางมาประชุมการแพทย์ที่พัทยา ครอบครัวโฮมสเตย์ที่นั่นได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวันและเชิญนายแพทย์และผู้เขียนกับเพื่อนมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยและเมืองพัทยา

คำถามแรกที่เจอเป็นเรื่องเกี่ยวกับอดีตผู้นำของประเทศเราว่ามีปัญหาอะไร คำตอบที่ง่ายตามที่รับทราบกันอยู่ “ถูกกฎหมายแต่ขาดจริยธรรม”

คำถามต่อมาคือ สถานการณ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้เป็นอย่างไร รุนแรงน่ากลัวหรือไม่ ผู้เขียนจึงบอกไปอย่างเห็นใจว่า ข่าวที่ออกมานั้นทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน “3 จังหวัดภาคใต้” นี้ต้องเดินทางถึง 1 วันจากกรุงเทพฯ ขณะที่ภูเก็ต (ซึ่งต่างชาติรู้จักดี) อยู่ไม่ห่างเท่าไรนักจาก 3 จังหวัดภาคใต้ ยังมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวปกติแม้จะไม่มากเท่าก่อนมีคลื่นยักษ์ถล่ม

เมืองพัทยาเดินทางยากไหม รถติดไหม แสดงว่าบ้านเราขึ้นชื่อเรื่องนี้ ผู้เขียนบอกไปว่า ถ้าเข้ามอเตอร์เวย์ ประมาณ 2 ชั่วโมงหรือชั่วโมงกว่าก็ถึงพัทยาแล้วจากกรุงเทพฯ

สุดท้ายแหล่งชอปปิงราคาถูก เราคงรู้ๆ กันว่ามีที่ไหนบ้าง

ประการต่อมา ระบบขนส่งมวลชนคือ หัวใจของการพัฒนาประเทศ

ผู้เขียนนิยามเอาเองว่า ระบบขนส่งมวลชนเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศ เพราะเมื่อผู้เขียนเดินทางไปต่างประเทศ จะพบว่า การเดินทางที่ประหยัดและสะดวก รวดเร็วของแต่ละประเทศคือ ระบบขนส่งมวลชน
ตัวอย่างเช่น เมืองระดับโลกทั้งหลาย ฮ่องกงจะมีรถไฟด่วนจากสนามบินถึงตัวเมือง สิงคโปร์จากสนามบินถึงถนนออร์ชาด ซิดนีย์ก็มีจากสนามบินถึงใจกลางเมืองซิดนีย์ ฯลฯ

ถามว่าบ้านเรามีไหมที่เดินทางมาถึงดอนเมืองแล้วมีรถไฟด่วนติดแอร์ถึงกลางเมือง (Downtown) ราคาถูกไม่มีครับ!!! (ที่กำลังสร้าง Airport Link ก็ไม่รู้ชาติไหนจะได้ใช้ จากมักกะสันไปสุวรรณภูมิ)  แล้วทำไมในต่างประเทศจึงมีบริการสาธารณะเหล่านี้

สิ่งแรก ผู้บริหารประเทศของเขามีความเข้าใจถึงสิ่งที่เป็นความจำเป็นพื้นฐานของประชาชน
- ถ้าการเดินทางมีราคาถูก ต้นทุนต่ำ จะเกิดผลตามมาอย่างมหาศาล เช่น ครอบครัวจะมีเงินเหลือใช้มากขึ้น ชาติก็ประหยัดพลังงาน สภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในชาติจะดีขึ้น
- การประหยัดงบประมาณในการลงทุนสร้าง-ซ่อมถนนที่นำไปสู่ความร่ำรวยของกลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่ม อากาศไม่เป็นพิษจากควันเสียของรถยนต์ เพราะคนจะไม่ใช้รถยนต์ในการเดินทางไปทำงานหรือกิจธุระส่วนตัว 

ดังนั้นผู้นำประเทศที่มีความคิดเพื่อคนในชาตินั้น จริงๆ จะต้องทำสิ่งที่เป็นปัจจัย พื้นฐานของชีวิตคนให้ดีขึ้น สิ่งแรกสุดคือเรื่องการเดินทาง หรือระบบขนส่งมวลชน (แม้ว่าจริง ๆ จะเป็นการศึกษาก็ตาม)

สิ่งที่สอง ทำไมต่างประเทศเขาถึงเน้นระบบขนส่งมวลชน

ระบบขนส่งมวลชนนี้ หมายถึง ทั้งรถเมล์ รถไฟ เรือโดยสาร ต้องเป็นระบบขนส่งมวลชนที่สมบูรณ์แบบ
ผู้เขียนเดินทางจากสนามบินชางฮี สิงคโปร์เข้าไปที่ถนนออร์ชาด เสียค่าโดยสารเพียง 1 เหรียญ 70 เซนต์ คิดง่ายๆ ไม่ถึง 50 บาท (1 เหรียญสิงคโปร์ประมาณ 24 บาท) ในการเดินทางกว่า 30 นาที ถ้ารถแท็กซี่ประมาณ 15 เหรียญซึ่งต่างกันนับ 10 เท่า

หรืออย่างกรณีเดินทางจากสนามบินซิดนีย์ ไปเซ็นทรัลสเตชั่น (Central Station) กลางกรุงซิดนีย์ ประมาณ 50 เหรียญออสเตรเลีย (1 เหรียญออสเตรเลียประมาณ 28 บาท) แต่ราคานี้จะเป็นตั๋วไป-กลับมายังสนามบินและขึ้นรถโดยสารปรับอากาศ รถไฟใต้ดินและเรือเฟอร์รี่ไปได้ฟรีตลอด 1 สัปดาห์โดยไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดเที่ยวในเมืองซิดนีย์

ดังนั้นช่วงที่ผู้เขียนอยู่ที่ซิดนีย์จึงสามารถไปชม “Darling Habor” ซึ่งเป็นอ่าวซิดนีย์และล่องเรือดู “Sydney Opera House” “Sydney Bridge” โดยเรือเฟอร์รี่ฟรี (เพราะจ่ายไปแล้วตั้งแต่ซื้อตั๋ว 50 เหรียญครั้งแรก)

ประการสุดท้าย Bus Way : รถเมล์อารยะ
การเดินทางในแต่ละวันของผู้เขียนจากที่พักไปยังมหา’ลัยในเมืองบริสเบนจำเป็นต้องเตรียมการ เช่น
- จะต้องวางแผนตลอดเส้นทางเพราะผู้เขียนต้องเดินทาง ทั้งเดิน ขึ้นรถเมล์ (Bus Way) และเรือเฟอร์รี่ (City Cat) เพราะถ้าหากพลาดเพียง 1-2 นาทีจะพลาดรถเมล์แล้วก็จะพลาดเรือเฟอร์รี่
- การเดินทาง ควรจะซื้อตั๋วไปเที่ยวเดียว(Single) วันเดียว (Daily) รายสัปดาห์ (Weekly) รายเดือน (Monthly) ฯลฯ อีกทั้งยังมีราคาสำหรับนักเรียน คนพิการ คนทั่วไป คนสูงอายุ เพราะราคาตั๋วจะแตกต่างกันอยู่ที่การวางแผนและรายได้ของแต่ละคน แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ระบบส่วนใหญ่ตั๋วของเขาทำด้วยต้นทุนที่ต่ำ เป็นกระดาษพริ้นต์จากเครื่อง และเป็นการ์ดกระดาษผิวมัน มีแถบแม่เหล็ก โดยไม่มีการมัดจำค่าตั๋วแบบบ้านเรา

ที่เรียกว่า Bus Way ในเมืองบริสเบน จะหมายถึง การจัดทำช่องทางซูเปอร์ไฮเวย์ เพื่อให้รถเมล์วิ่งโดยเฉพาะ รถอื่นเข้ามาวิ่งไม่ได้ มีระบบบริหารจัดการชั้นเยี่ยม
รถเมล์จะเป็นรถโดยสารปรับอากาศและใหม่เสียส่วนใหญ่ บริหารโดยสภาเมืองบริสเบน ซึ่งมีอู่รถของตนเองที่สร้างรถเมล์ใหม่ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 คัน โดยมีพนักงาน 44 คน ทำงาน 7 วันทำการเพื่อสร้างรถเมล์ที่ดีที่สุดและที่น่าสนใจคือ ใช้ก๊าซธรรมชาติทุกคัน

การเชื่อมโยงระบบขนส่งทั้งหมดด้วยความสะดวก คนออสซี่สามารถเดินทางโดยรถเมล์ทาง Bus Way ซึ่งจะเร็วกว่าขับรถยนต์ ถูกกว่า หรือรถไฟก็ใช้ตั๋วใบเดียวกันนี้ได้เช่นกัน ขณะเดียวกันจะไปต่อเรือโดยสารที่เรียกว่า City Cat เป็นเรือเฟอร์รี่ ล่องแม่น้ำบริสเบน ซึ่งได้อีกบรรยากาศเพราะแม่น้ำเขาสะอาดมาก 2 ฝั่งเป็นระเบียบเรียบร้อย ได้ความสดชื่นของสายน้ำและอากาศไปพร้อมๆ กัน เรือ City Cat บางครั้งอาจจะเรียกว่า City Kitty เป็นที่นิยมกันมากของชาวออสซี่ในบริสเบน (เรือนี้ปลอดภัยและใหญ่กว่าเรือด่วนเจ้าพระยา 2-3 เท่าตัว)

ที่น่าสนใจมากๆ คือ แท็กซี่มีน้อยมากในบริสเบน เพราะคนออสซี่นิยมระบบขนส่งมวลชนมากกว่าครับ!

สำหรับประเทศไทย อย่ามัวแต่คิดแต่เรื่องสร้างรถไฟฟ้า-รถใต้ดินแค่นี้เลยครับ ระบบขนส่งทางน้ำ เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา และรถเมล์ ถ้าปรับปรุงให้เป็น Bus Way ได้จะวิเศษสุดๆ ดีกว่า Bus Lane ซึ่งไม่ได้มีอะไรมากนักและก็วิ่งไม่เป็นระบบถ้าสังคายนาได้ จัดระบบใหม่ทั้งหมดในเมืองหลักและบริหารโดยมืออาชีพที่เป็นระบบเดียวทั้งระบบบ้านเมืองคงพัฒนามากกว่านี้ 

และที่อยากเป็นเมืองหลวงของการท่องเที่ยวตามที่บอกว่า คิดมา 30 ปีแล้วก็ยังไม่เห็นเกิดสักที เพราะใครมากรุงเทพฯก็ด่าว่าจอร์จทั้งนั้นแล้วจะไม่มาอีก!!!

ดร.ดนัย เทียนพุฒ
Dr.Danai Thieanphut
DNT Consultants

No comments: