Thursday, December 30, 2010

การตลาดประเทศไทย 2554

 

เห็นตัวเลขการตลาดท่องเที่ยวประเทศไทย ปี 2554 แล้วน่าตี่นเต้นมา

.... สำหรับในปี 2554 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า หากไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงใดมากระทบแล้ว ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องไปในปี 2554 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยประมาณ 16.33 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 555,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 .....(จาก K SME Analysis ) 
     แม้ว่าขัอมูลดังกล่าวจะเป็นการวิเคราะห์ ของธ.กสิกรไทยแต่มาจากตัวเลขของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ที่ประมาณการ จากกระทรวงท่องเที่ยว (จากการท่องเที่ยวแห่งประเทสไทยนั่นเอง)
....นายชุมพล ศิลปอาชา  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าขณะนี้ได้รับรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยในปี 2552 มาแล้ว โดยรวมทุกด่านมีชาวต่าง
ชาติเดินทางเข้ามารวม 14,094,631 ล้านคนสร้างรายได้เข้าประเทศรวม 527,000ล้านบาท .....(จาก
http://www.oknation.net/blog/SIAM1932/2010/01/09/entry-1)

ผู้อ่านคิดว่าตัวเลชดังกล่าวมีความเป็นจริงได้แค่ไหนมากน้อยเท่าไหร่
 1.ข้อมูลจากรับบาลที่เพิ่งบอกเมื่อต้นปี 2553 ว่า  วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ 2554 มีวงเงิน 2.07 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2553 และเป็นรายจ่ายเพื่อการลงทุน
  - รายจ่ายเพื่อการลงทุน 3.41 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 16.5% ของงบประมาณรวม และเพิ่มขึ้นจากปีงบ 2553 จำนวน 1.27 แสนล้านบาท (http://www.moneychannel.co.th/Menu6/HardTopics/tabid/109/newsid569/106784/Default.aspx)

   หากดู รายได้จากการท่องเที่ยว แต่ละปีไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท มากกว่ารายจ่ายเพื่อการลงทุนของประเทศทั้งปี เกื่อบเท่าตัว นั่นหมายความว่า การลงทุนในประเทศต้องมากกว่าที่รัฐบาลทำในด้าน
เศรษฐกิจ และเศรษฐกิจต้องดีกว่าปัจจุบันแน่นอน


 2. เราจะพบว่าคนไทยซึ่งได้เปลี่ยนแนวทางการท่องเที่ยวจาก เชียงใหม่ ไปที่อื่นซึ่งดีกว่าน่าสนใจกว่าและ ยังมีอะไรที่ไม่ได้เที่ยวอีกเยอะ เช่น ปากช่อง เขาใหญ่ วังน้ำเขียว น่าน แพร่  เพชรบูรณ์(เขาค้อ)
เลย (เชียงคาน) ในปีใหม่ปีนี้ 2554 จึงมีคนมากันมาก และที่สำคัญทางอีสาน อากาศตามยอดเขาหนาวสุด ๆ ได้บรรยากาศจริง ๆ

(บ้านน้ำเพียงดิน เขาค้อ) 
                                        

3.สิ่งที่น่าเสียดายและกำลังเกิดคือ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว ดำเนินรอยตาม วิธีการเดิม ๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จแล้ว
  เช่น การสร้างรีสอร์ท ต่าง ๆ เกิดขึ้นโดยไม่มีการควบคุมจาก ระดับท้องถิ่นเพราะคิดแต่รายได้อย่างเดียว
        การจัดร้านค้าชาวเขาขายของที่ระลึก และวิถีชาวเขา ตามจุดท่องเที่ยวต่าง กรณีของเขาค้อ หินร่องกล้า หรือ แหล่งท่องเที่ยวของ จ. เพชรบูรณ์ ทั้งหมด สินค้าที่ขายพวกของที่ระลึก ไม่มีความแตกต่าง พอซื้อที่แรก ไปทีจุดอื่น ๆ หรือ พอไปอีกที่ก็ซ้ำกัน (เชียงใหม่เป็นกรณีศึกษาที่ดีถึงความล้มเหลวในการลงทุนและการตลาด ของที่ระลึก เพราะเหมือนกันหมดจึงตายในที่สุด)
       ทำให้คิดว่าอาจมีนายทุนกลุ่มหนึ่ง จัดจ้างชาวเขามาขายของตามจุดต่าง ๆ และส่งสิ้นค้าให้  ทำให้ชาวเขาถูกจัดฉากขายของที่ระลึก และวิถีชาวเขา ซึ่งได้รับแต่ค่าจ้าง ไม่ใช่ของจริง


ดังนั้นหากต้องการทำการตลาดท่องเที่ยวจริง คงต้องคิดใหม่ ไม่ใช้วิธีเดิม ๆ
   เช่่น  # การท่องเที่ยวฯ ต้องคิดกลยุทธในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดท่องเที่ยวจาก นักท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ มากกว่าการเพิ่มงบประมาณจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่ม
          # และวิธีการทำงานเพียงการจ้างบริษัทท้องถิ่นทำการตลาดให้ประเทศไทย เพื่อให้คนของเขามาประเทศเรา ใครเขาจะทำให้ได้จริง ๆ  หรือ การใช้เงินจ้าง นสพ. (มาเที่ยวแล้วเขียนเชียร์ประเทศไทย)
ให้เขียนถึงประเทศไทย กับ การที่สื่อระดับโลกออกข่าว ด้านลบของประเทศโดยเฉพาะการเมือง และอาชญากรรม กับประเทศเพื่อนบ้านตีประเทศไทยด้านลบ งบการท่องเที่ยว 6 พันกว่าล้านก็สูญเปล่า
          # และการทำตลาดท่องเที่ยวในประเทศอยากให้ผู้ประกอบการอย่าเดินตามรอย เชียงใหม่  พัทยา ภูเก็ต (ยังพอไปได้แต่เป็นด้านอสังหาริมทรัพย์มากกว่าท่องเที่ยว)  เพราะหมดจุดขายไปนานแล้ว

ดร.ดนัย เทียนพุฒ
รางวัลนักทรัพยากรมนุษย์ดีเด่นแห่งประเทศไทย ปี 2552 ประเภทนักวิชาการและที่ปรึกษา
กรรมการผู้จัดการ
โทร 029301133

Saturday, December 25, 2010

มองทิศทางธุรกิจปี 2012 โดย ดร.ดนัย เทียนพุฒ



นักธุรกิจและการตลาด ชอบมองและคาดการณ์ เหตุการณ์ปีต่อปี ขณะที่ผู้เขียน ชอบมองอะไรที่มากกว่า จึงคาดการณ์ธุรกิจในปี 2012 เสียให้รู้แล้วรู้รอด เชิญติดตามอ่านและโหลดได้ดร.ดนัย เืทียนพุฒ มองทิศทางธุรกิจปี 2012

Tuesday, December 21, 2010

ปีใหม่ กลยุทธใหม่ 2011 : ดร.ดนัย เทียนพุฒ



คราวที่ ดร.ดนัย ไปบรรยายหลักสูตร ประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน สำหรับปี 2553  ในหัวข้อ เกี่ยวกับมิติใหม่ของกลยุทธธุรกิจกับการบริหารคน ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้น กลยุทธธุรกิจและทำไมถึงต้องมาบริหารคน

มีประเด็นที่ ผู้เขียนได้หยิบยกการแข่งขันและเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะ ธุรกิจของ Sony  Samsung LG และ Apple  ในตลาด Handset
...มีบางคนบอกว่าเคยฟังเรื่อง โซนี่มาหลายครั้งจากวิทยากรท่านอื่น... ก็ของเดิม ๆๆ นั่นแหละ-ผู้เขียน

สำหรับผู้เขียนแล้ว คนละประเด็น เพราะ ได้พูดถึงการปรับตัวของโซนี่ เมื่อต้องต่อสู้กับ Apple และ Samsung พร้อมถึงการใช้ นวัตกรรม ในกลยุทธ Make.Belief (อ่านว่า เมคดอทบีลีฟ) ซึ่งเป็นกลยุทธใหม่ของโซนี่ในปี 2553  (จะไปฟังได้ไง..555 )

กลยุทธใหม่ ---> Faster Up to Date 
เรื่องราวที่เคยรู้ ที่เคยได้ยิน นึกว่าจะเหมือนเดิม ในโลกธุรกิจปัจจุบันนี้  "ไม่ใช่แล้ว"  โลกใบนี้เร็วกว่าเดิม แข่งขันสูงกว่าเดิม  ฬครที่บอกว่าสร้างมูลค่าแล้ว ไม่มีการแข่งขันไม่ใช่ครับ ยิ่งแข่งขันมากกว่าแต่ก่อนดดยใช้ความรวดเร็วกว่า่ 


ชิงช้าไฮเทค ที่ สิงคโปร์


ขณะเดียวกันมีเจ้าของกิจการ ต่างจังหวัดบางท่าน ถามผู้เขียนในขณะบรรยายเชิงเปรียบเทียบว่า

..มีลุงคนหนึ่งไม่ได้ทันสมัย  ไม่ได้ไฮเทค อีเมล์ หรือ อะไรก็ไม่รู้จัก ใช้ชีวิต ตามประสาคนต่างจังหวัด 

เผอิญ วันหนึ่งมีหนุ่มนักเรียนนอกตรงกันข้ามกับลุง ได้ อาศัยลุงให้พายเรือข้ามฟาก หนุ่มนักเรียนนอก
พอนั่งเรือไปวักพอรู้สึกว่าสบายตัดขาดทุกอย่าง ก็บอกกับลุงว่า ผมได้ชีวิตคือกลับมาครึ่งหนึ่ง

ลุงเองก็เลยถามว่า ว่ายน้ำเป็นไหม หนุ่มฯ บอกว่าไม่เป็น...
ลุงก็เลยบอกว่า ถ้าเรื่อล่ม ชีวิตจะหายไปทั้งชีวิต... 

ผู้เขียนจึงตอบไปว่า อย่างแรก โลกาภิวัฒน์นี้ เทคโนโลยี และความเจริญไม่ได้หมายความว่า เราสามารถไม่รับหรือไม่รู้ แต่มันเข้าถึงตัวเรา อยู่ที่ว่าจะรู้จักใช้มัน หรือ เป็นทาสมัน ลุงเองไม่รู้จัก พลอยยินดีว่าไม่มีก็ไม่เห็นเป็นอะไร  แต่หากเรารู้จักใช้ประโยชน์ได้เราก็ได้ประโยชน์ ในการดำเนินชีวิต ทำมา
หากิน

ต่อมา เราเองไม่เข้าใจหรือไม่สามารถ จัดการความเจริญ ให้สามารถ อยู่ร่วมกันได้ในหลากหลายวัฒนธรรม ไม่ว่า จีน ญี่ปุน เกาหลี ใต้หวัน คนของเขา อยู่ร่วมกันได้ทุกวัฒนธรรม ขณะที่คนไทย
ไม่เข้าใจ ถ้าเป็นสังคมอุตสาหกรรมก็ต้องเลิกการเกษตร  พอเป็นยุคสารสนเทศ เทคโนโลยี่ ก็จะเลิอุตสาหกรรม  พอพูดกันเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ก็จะทิ้งเศรษฐกิจแบบเดิม กลับไปพูดกันเรื่องออกแบบ คิด  ๆๆๆ     สารพัด จากสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนแต่อยากมี อยากเป็นกับเขาบ้าง
แล้วก็มักอ้างต้องใช้ปรัีญญาเศรษฐกิจพอเพียง -ไม่แน่ใจว่าเข้าใจแก่นของปรัญญาหรือไม่ อาจรู้งู ๆ ปลา 
ว่าตามเขาให้ดูดี

เหมือนคำถามแบบตัวอย่างข้างต้น พูดให้เหมือนดูดี แต่อธิบายหาคำตอบไม่ได้

 Marina Bay Sands ที่ Marina bay ประเทศสิงคโปร์

กลยุทธ การจัดการความหลากหลายและซับช้อนของวัฒนธรรม ที่ต้องให้อยู่และใช้ร่วมกันได้ 
อย่างเข้าใจไม่ตกเป็นทาสของวัฒนธรรมระดับใด สังคมประเทศใด แต่ฉลาดในการเลือกใช้ และใช้ได้อย่างเพียงพอมีความสุข

การเรียนรู้ เทคโนโลยี กลยุทธ และ การจัดการใหม่ จึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ที่สำคัญมาก ๆ 
"การปรับใช้"  "การพัฒนาต่อยอด" สุดท้าย "สร้างใหม่ให้มีขึ้นใช้ได้เองในสังคมและโลกธุรกิจ"
นี่ต่างหาก ที่เป็น ปรัชญาการจัดการธุรกิจ ที่เจ้าของธุรกิจ หรือ ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาค้นคว้า ไม่อาจทำความเข้าใจ และอาจไม่มีวันเข้าใจได้เลย ถ้าหวังเพียงการอ่านจากหนังสือพิมพ์  ฟังบรรยายจากการสัมมนา ฟังเคล็ดลับเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย แต่ขาดวิธีการสร้างองค์ความรู้ และสามารถที่จะหยิบฉวยไปใช้ได้กับธุรกิจ

ทั้งหมดนี้ละครับ เป็นข้อคิดทางกลยุทธที่อยากให้ผู้บริหารธุรกิจได้คิดทบทวนในปี 2011 หากเป็นไปได้ลองขบคิดในแต่ละประเด็นท่านจะมีกลยุทธใหม่ที่ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน


Tuesday, November 30, 2010

คลาสิก-โฆษณาที่ยังจำได้ตลอดไป



ผมเจอรูปนี้ ถ่ายภาพไว้ตอน พา นศ. MBA ไปดูงาน ที่ โรงงานสุราบางยีขั้น ด้านกระบวนการผลิต และบังเอิญพบภาพนี้ เป็นภาพเขียนสีน้ำมัน(คาดว่า) อยู่ที่ห้องประชุม เลยนำมาเผยแพร่-ถึงภาพโฆษณา "แม่โขงยอดสุราของไทย" สำหรับไว้ศึกษาด้านการตลาด ทำไมถึงเข้าถึงและจดจำได้อย่างยาวนาน

Wednesday, November 3, 2010

คาดการณ์ ค้าปลีก 2015











ผมได้รับเมล์ จาก  Nielsenwire  ทำนายทิศทางค้าปลีกในปี 2015 เห็นว่าน่าสนใจดี นอกจาก แบ่งปันแล้วยังนำมาเก็บไว้เผยแพร่ต่ออีกด้วย

Retail 2015 predictions:
  1. ซูเปอร์เซนต์เตอร์แบบ มวลชน และ พาณิชย์อีเลคโทรนิกส์ จะกลายเป็นผู้ชนะ ที่แท้จริง                                                                        Mass supercenters and e-commerce will be the big winners.

  2. ร้านค้าของชำ ทั้งราคาถูก และ พรีเมียม จะมีส่วนแบ่งเติบโต                                                                                                              Low and high-end grocery stores will grow share.

  3.  ร้านสัตว์เลี้ยงและ ร้านดอลลาร์เดียว จะโตมากยิ่ง ๆ                                                                                                                                 Pet stores and dollar stores will grow.

  4. Retail consolidation: the big will get bigger.

  5. Smart phones will be the primary enabler of shopper engagements.

  6. Store formats will evolve: new formats, smaller stores, pop-up retailing to accelerate.

  7. Anywhere in-store check outs to replace self check-out and open floor space.

  8. In-store kiosks, digital media and holograms to interact with shoppers.

  9. Demise of traditional consumer age and gender targets as technology enables seamless view across languages and ethnic/generational groups with links to purchase and usage behavior

  10. Evolving U.S. demographics have major impacts                                                                                                                                                                                                                                                                                                                     

Retail landscape 2015: 10 Predictions
October 22, 2010
Todd Hale, SVP Retail and Shopper Insights
http://blog.nielsen.com/nielsenwire/consumer/retail-landscape-2015-10-predictions/

Saturday, October 23, 2010

ดร.ดนัย เทียนพุฒ กับ iPhone 4 Phenomenon in Thailand

บรรณาธิการ นิตยสาร S+M (Strategy +Marketing) ฉ.เดือน ก.ย.53 ได้นัด ดร.ดนัย เพื่อขอสัมภาษณ์
เกี่ยวกับ กลยุทธและการทำตลาดของ Apple โดยเฉพาะ iPhone 4 เป็นอย่างไรจึง "ร้อนและแรงมาก ๆ
ในเมืองไทย"

เผอิญ ดร.ดนัย มีการสอนกลยุทธ  การวิเคราะห์ธุรกิจ ให้กับบริษัท LG (ในประเทศไทย) และ สอนเรื่องการจัดการข้ามวัฒนธรรม ให้กับระดับผู้บริหาร ของบริษัท Samsung (ในประเทศไทย) และเพิ่งกลับมาจากสหรัฐอเมริกาไม่นาน มีโอกาสไปดู ร้าน App Store ที่นิวยอร์ก จึงมีข้อมูลและเรื่องราวด้านกลยุทธของ Apple ที่เต็มพิกัด ...ติดตามอ่านได้ใน ฉ. เดือน กย.53 Cover Story ครับ


นวัตกรรมไอเดียเปลี่ยนเกมธุรกิจ โดย ดร.ดนัย เทียนพุฒ-029301133








ยุคปัจจุบันคงหนีไม่พ้นในเรื่องของ "นวัตกรรม" และคงไม่มีใครไม่พูดเรื่องนวัตกรรม ผู้เขียน
จึงนำเรื่อง "นวัตกรรมไอเดียเปลี่ยนเกมธุรกิจ" มาเผยแพร่ให้เห็นว่า เป็นอย่างไร เกิดอย่างไร
และเปลี่ยนเกมธุรกิจแบบไหน.........





ดร.ดนัย เทียนพุฒ นวัตกรรมไอเดียเปลี่ยนเกมธุรกิจ

Tuesday, July 6, 2010

คิดใหม่ของคอทเลอร์ในการตลาด3.0 ดร ดนัย เทียนพุฒ029301133



พบกับแนวคิดใหม่ทางการตลาดของ คอทเลอร์ในการตลาด3.0 ตอนต่อเนื่องจากคราวที่แล้วครับ ซึ่งพูดถึง การเปลี่ยนหลายๆ อย่างเช่น จาก 4Ps ไปเป็น 4Cs อ่านได้เลย




คิดใหม่ของ Kotler ในการตลาด 3.0 โดย ดร.ดนัย เทียนพุฒ




วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิสถาบันพระปกเกล้า
โทร 029301133  
email: drdanait@gmail.com




Tuesday, June 29, 2010

การดูงานที่ Chocolate World-Hershey Company USA- ดร.ดนัย เทียนพุฒ 029301133















เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมาผู้เขียนไป สหรัฐอเมริกา ในระหว่างทางที่ไป นำ้ตกไนแองการาได้มีโอกาสไปดูงานที่บริษัท Hershey ในเพนซิลวาเนีย  น่าสนใจและน่าทึ่งกับธุรกิจครอบครัวที่สร้างให้ธุรกิจติดระดับโลก
การใช้กลยุทธการตลาดที่เรียกว่า การตลาดสร้างประสบการณ์ และ การทำให้เป็น ศูนย์กลางแห่งความบันเทิง ถือเป็นกลยุทธที่น่าสนใจจากธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารไปสู่องค์กรที่มีหัวใจการตลาดได้

ผู้เขียนมีภาพสไลด์มาให้ชมด้วย



ดร.ดนัย เทียนพุฒ
รางวัลนักทรัพยากรมนุษย์ดีเด่นแห่งประเทศไทย ปี 2552 ประเภทนักวิชาการและที่ปรึกษา
กรรมการผู้จัดการ
บจก. ดี เอ็น ที คอนซัลแตนท์
โทร 029301133
email: drdanait@gmail.com

Thursday, June 10, 2010

MBO & KPIs (2) By Dr.Danai Thieanphut

  ปกติเรามักจะพบในธุรกิจว่า การจัดวางหรือ กำหนดทิศทางองค์กร (Corporate Direction) หรือ ที่เราพูดกันในเรื่องของวิสัยทัศน์(Vision) นั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ

>รูปแบบแรกที่นิยมทำกัน และทำมานานมากคือ การกำหนดเป้าหมาย (Goal)  หรือ อาจพูดได้ว่าเป็น จุดหมายปลายทางที่ไกลแต่สามารถบรรลุถึงได้
  บริํษัทที่นิยมใช้รูปแบบนี้ในการทำหนดทิศทางองค์กร มักจะเป็นบริษัทครอบครัว  บริษัทแบบ Traditional Corporation  และบริษัทด้านการขาย หรือเติบโตมาจากการทำการขายเป็นหลักมาก่อน จึงให้ความสำคัญกับการ "ตั้งเป้าการขาย (Goal Setting)"
> SMART GOAL (Smart ---> Specific , Measurable, Attainable,  Relevant, Time-Bound)
   ซึ่งนำมาใช้เป็นหลักยึดในการกำหนดเป้าหมาย หรือบอกว่าเป้าหมายที่เขียนไว้นั้นอยู่ในโดเมนขององค์กรหรือไม่

เมื่อวันที่ 14- 15  พ.ค.53 ที่พัทยา ผู้เขียนได้ไปทำ Workshop กับบริษัทแห่งหนึ่งเพื่อจัดทำ "Corporate Business Goal)"
สิ่งที่ผู้เขียนบรรยายนำการสัมมนาฝึกปฏิบัติคือ
1.สรุปภาพทั้งหมดที่ MD.ของบริษัทต้องการเห็น เช่น
  -ทุกคนต้องรู้เป้าหมายองค์กร
  -ต้องการเห็นการขายข้ามผลิตภัณฑ์
  -อยากให้เป็น "Practical Goals" อย่าไปหลงกับมายา เช่นตัวชี้วัด
  -ผู้บริหารต้อง "ขับเคลื่อน" สิ่งที่เป็น "เป้าหมายเชิงปฏิบัติ" ไปสู่ความสำเร็จ
2.ให้เห็นความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงและบทเรียนจากองค์กรที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะตัวอย่างของ Apple
3.ให้แนวคิดเชื่อมโยงระหว่าง เป้าหมาย และ ภารกิจ
หลังจากนั้นทำฝึกปฏิบัติแรก "สร้าง SMART ---> Corporate Business Goal ผ่าน Commitment"
(ยังมีต่อ)

ดร.ดนัย เทียนพุฒ
กรรมการผู้จัดการ

Tuesday, May 25, 2010

MBO & KPIs By Dr.Danai Thieanphut

ใน ช่วงระยะนี้มีหลายบริษัท ทั้งที่เป็นบริษัทข้ามชาติและบริษัทในประเทศไทย
เชิญให้ผมเข้าไปบรรยาย ในหัวข้อที่น่าสนใจมาก ๆ อยู่ 3เรื่องใหญ่คือ
1) MBO & KPIs  ในด้านแนวคิดและการจัดทำเพื่อความเข้าใจขององค์กร
2) BSC & KPIs สำหรับบริษัทโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ ญี่ปุ่นและเกาหลี
3) Change Management เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของประเทศไทย

ที่อยากพูดคุยให้ฟังคือ  การทำ MBO มีหลายบริษัทมากมักจะชอบถามว่า
-ทำ MBO แล้วเกี่ยวยังไงกับ BSC
- MBO กับ Goal Setting เกี่ยวกันไหมหรือคนเป็นคนละเรื่องกัน
-การทำ Goal Setting ไม่เกี่ยวกับระบบ PM (Performance Management)

                     นี่เป็นตัวอย่างของคำถามที่มักจะเกิดขึ้นเสมอ ๆ เมื่อได้บรรยายใน 2 หัวข้อข้างต้น
                     บางครั้งอ่านในบล็อกต่าง ๆ ยิ่งหัวเราะสนุกสนานเลย เพราะไปเจอว่า
                     - MBO กับ  BSC เป็นเรื่องเดียวกัน MBO เกิดก่อน แล้วจึงมาเป็น BSC   ว่าเข้าไปนั่นไม่รู้คิดได้ยังไง
                     ผมเห็นว่า พวกที่เขียนและบรรยายเรื่องเหล่านี้ มีอคติทางวิชาการ ไปพูดเรื่องคนละเรื่องให้เป็นเรื่องเดียวกัน ทำให้คนสับสน เข้าใจไข้วเขว เนื่องจากความไม่รู้ หรือ ไม่ศึกษา หรือ ไม่มีจะกินเลยรับพุดไปทุกเรื่องจึงกลายเป็น "ตราบาปทางวิชาการของธุรกิจ"
                   สิ่งแรกเลย ต้องเข้าใจก่อนครับที่มาของ MBO  ผู้ที่คิดขึ้นครั้งแรกคือ ดรักเกอร์ ในปี 1954  ผมขออ้างจาก( http://en.wikipedia.org/wiki/Management_by_objectives) มาให้ดู

......The term "management by objectives" was first popularized by Peter Drucker in his 1954 book 'The Practice of Management ...
  ดังนั้นต้องเข้าใจต่อมาว่า
   -สมัยของดรักเกอร์ตอนนั้น ยังไม่มี BSC & KPIs
  -การเขียนวัตถุประสงค์ที่ดี จะใช้ หลักการ/เกณฑ์  SMART
   -การวัดความสำเร็จของ MBO ดูว่า วัตถุประสงค์บรรลุหรือไม่
   -SMART ไม่ใช่ดัชนีชี้วัด ตามที่บางคนนำมาใช้ (คือไม่รู้จะใช้อะไรเห็นว่า SMART ดูแล้วน่าจะใช้ได้ก็เอาเป็น Indicator เลย  KPIs มีแนวคิด มีวิธีเขียน และ มีโมเดล KPIs เอง ไม่ขัดสนถึงขนาดต้องยืม SMART มาใช้ครับ) (ยังมีต่อ)

ดร.ดนัย เทียนพุฒ
รางวัลนักทรัพยากรมนุษย์ดีเด่นแห่งประเทศไทย ปี 2552 ประเภทนักวิชาการและที่ปรึกษา
กรรมการผู้จัดการ
บจก. ดี เอ็น ที คอนซัลแตนท์
โทร 029301133
email: drdanait@gmail.com


Monday, April 26, 2010

Tuesday, April 6, 2010

การตลาดการเมืองของประเทศไทย โดย ดร.ดนัย เทียนพุฒ

การเมืองไทยมีการเปลี่ยงแปลงในทางที่ไร้วิถีแห่งอารยะ ใครนึกจะเรียกร้องอะไรก็ตั้ง Mob ข้างถนนสร้างความเดือดร้อน เป็นความสับสนวุ่นวายที่ Kotler เรียกว่า Chaotics

ลองมาดูทรรศนะผู้เขียนมอง "การตลาดการเมืองของประเทศไทย" อย่างไร
และทำไมถึงเป็น การตลาดการเมืองแนวใหม่ของไทย

Saturday, March 27, 2010

ทัศนภาพธุรกิจอนาคต 3 โดย ดร.ดนัย เทียนพุฒ


เรื่ิองราวของทัศนภาพธุรกิจอนาคต ได้นำเสนอมา 2 ตอนคือ ตอนแรกเป็นทัศนภาพการสื่อสาร  ตอนที่ 2 เป็นทัศนภาพด้าน บิ๊กไอเดียธุรกิจ แล้วและกำลังงวดเข้ามาครับ เพราะตอนนี้เป็นตอนที่ 3 การเปลี่ยนแปลง ทัศนภาพธุรกิจอนาคต(3)

Monday, February 15, 2010

K Culture & Management By Dr.Danai Thieanphut

เมืองไทยสนใจและติดกระแสของเกาหลีใต้ ผู้เขียนเลยนำเสนอวิธีการจัดการและวัฒนธรรมของเกาหลีมาเปิดเผยให้ทราบกันว่าคนและธุรกิจของเกาหลีเป็นอย่างไรบ้าง ..อ่านได้ โหลดได้ ครับ




Monday, January 25, 2010

Marketing in Industry World 2020


รูปนี้บรรยายหลักสูตร การสร้างวิสัยทัศน์และภารกิจธุรกิจให้กับ บมจ.กรุงไทยพานิชประกันภัย


เมื่อไม่นานนัก ก่อน ปี 2553 ผมได้รับเชิญจากสถาบันพระปกเกล้า ให้ช่วยบรรยายเรื่อง"การตลาดสำหรับโลกอุตสาหกรรม" จึงสนใจและนำเสนอในประเด็นของ "การตลาดในโลกอุตสาหกรรม ปี 2020 ลองอ่านได้ครับว่า พฤติกรรมผู้บิโภคแบบใหม่..ท่านเหมือนหรือไม่

Marketing in Industry World 2020

Wednesday, January 6, 2010

Social Volunteer : จิตอาสา จิตสาธารณะ การตลาด(แผ่) บารมี โดย ดร.ดนัย เทียนพุฒ

เรื่องของจิตอาสา จิตสาธารณะ การตลาดเพื่อสังคม ผู้เขียนเรียก ว่า "การตลาด(แผ่)บารมี (Charismatic Marketing)" ในไต้หวันประสบความสำเร็จสูงมาก เมืองไทยยังแค่เด็กอนุบาล .. อ่านตัวอย่างของ TZU CHI FOUNDATION ได้ครับเป็น กรณีศึกษาที่น่าสนใจแต่ต้องมีปรัชญาด้านพุทธศาสนาที่มั่นคง ว่าแ่นแท้ของหลักศาสนาพุทธคืออะไร และอะไรคือการเข้าถึงแก่นธรรมดังกล่าว